From 0 to 42.195 ภารกิจพิชิตมาราธอน !!! — ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น

หลังจากได้ผ่าน Mission Imposible ของตัวเองมาได้ นั้นก็คือ “มาราธอนแรกในชีวิต” มาได้แล้วนั้น ผมก็เลยจะขอถือโอกาสนี้มาแชร์เรื่องราว การเดินทางว่า กว่าจะวิ่งได้จนถึงระยะมาราธอน 42.195 กิโลเมตร นั้น ได้ผ่านด่านทดสอบอะไรมาบ้าง … บอกเลยครับ เส้นทางแห่งความสำเร็จนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบจริงๆ แต่มาทั้งต้นกุหลาบเลยทีเดียว กว่าเห็นผลลัพธ์อันสวยงาม ต้องฝันฝ่าทั้งขวากหนาม ที่ต้องทั้งเจ็บตัว ปวดใจ เสียเลือด และเสียน้ำตา
เส้นทางแห่งความสำเร็จนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบจริงๆ แต่มาทั้งต้นกุหลาบเลยทีเดียว
เกริ่น
ผมก็เป็นมนุษย์เงินเดือน ที่ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ต้องทำงานอยู่หน้าคอมทั้งวัน และแทบจะไม่ได้ออกกำลังกายเลยยยยยยย…ด้วยข้ออ้างสารพัด ที่เราจะหามาอ้างได้ เช่น สถานที่ไม่สะดวก เวลาไม่ได้ ออกกำลังกายแล้วเหนื่อย กลัวจะกลับมาทำงานต่อไม่ไหว เพลีย ฝนตก แดดออก ไม่มีเพื่อนไป เปลืองเงิน บลา บลา บลา…
ส่วนตัวเป็นคนชอบการเล่นกีฬาเป็นฐานอยู่แล้วนะครับ แต่เล่นไม่เก่งสักอย่าง ><” ก่อนหน้านี้ก็เคยพยายามจะวิ่งมารอบนึงแล้วครับ แต่ลงวิ่งได้แค่ 2 งาน ก็เจออาการบาดเจ็บที่เอ็นเหนือเท้าซ้าย ลงน้ำหนักไม่ได้ เลยพักยาววววววว….แล้วก็ล้มเลิกไปในที่สุดครับ
เริ่มวิ่งได้ยังไง ?
ด้วยงานที่ต้องอยู่หน้าคอมตลอดเวลา และเป็นพวกบ้างานประมาณหนึ่ง “โรคออฟฟิศซินโดรม” ก็เลยถามหา ผมปวดบ่า ปวดต้นคอ ปวดหัว อยู่เป็นปีๆ เข้า-ออก รพ. เพื่อรักษาอาการนี้อยู่ 2–3 ครั้ง ก็ไม่หาย ได้แต่ยา คลายกล้ามเนื้อมากิน … จนเริ่มแย่ลง มีอาการนอนหลับไม่สนิท ตื่นเช้ามาไม่สดชื่น ประสิทธิภาพการทำงานลดลง สุขภาพแย่ลงมาก หนักถึงขั้นต้อง “กายภาพบำบัด” ผมจึงเริ่มสำนึกได้… “ไม่เห็นโรงศพ ไม่หลั่งน้ำตาสินะเรา” สุขภาพตัวเราเองแย่ขนาดนี้ ถ้าฝืนทำงานหนัก หาเงินมาให้หมอใช้ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแน่ !! เลยตัดสินใจ “ไปวิ่ง” ดีกว่า !
สุขภาพตัวเราเองแย่ขนาดนี้ ถ้าฝืนทำงานหนัก หาเงินมาให้หมอใช้ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแน่ !!
แล้วทำไมต้องวิ่ง ?
- วิ่งมันง่ายสุดไง ไม่ต้องมีเพื่อน ไปคนเดียวก็ได้
- ไม่แพงมาก แค่มีรองเท้าวิ่งดีๆ สักคู่ ก็ไปได้แล้ว (จริงๆ Accessory อื่นๆ อีกเพียบ 555)
- เห็นเค้ากำลังฮิตๆ กัน ในกทม. งานวิ่งก็เห็นมีจัดทุกเดือน
- ลงวิ่งงานวิ่ง แล้วได้เหรียญ กับเสื้อ สวยๆ ด้วยนะ … เป็นกำลังใจในการออกกำลังกายได้อย่างดี ^^
จะวิ่งจริงๆ จังๆ ละนะ !
หลังจากปวารณาตนแล้วว่า “จะวิ่งอย่างจริงจัง” แล้วนะ ก็เริ่มวางแผนครับ แต่บอกเลยว่าตอนนั้นที่บอกว่าจริงจังคือระยะ 10 กิโลนะครับ เพราะตอนนั้นรู้สึกว่าแค่ 1 กิโล ก็ยากละ 10 โลนิ ตายกันพอดี…วิธีการที่ผมใช้ คือ สมัครงานวิ่ง อย่างน้อย เดือนละ 1 งาน (เน้นเสื้อสวย เหรียญสวย 5555)
วิธีการที่ผมใช้ คือ สมัครงานวิ่ง อย่างน้อย เดือนละ 1 งาน (เน้นเสื้อสวย เหรียญสวย 5555)
วิ่งสิ…วิ่งงงงงง
จะขอเล่าเป็นแบบ Timeline เป็นเดือนๆ ไปนะครับ เพื่อให้เห็นถึงพัฒนาการ และจุดพลิกผัน แต่ละช่วงเวลา
ก.ค. 61 — สมัครลงงานวิ่งแรก : ร่มรั้วฯรัน (10.5K)
ประจวบเหมาะกับจุดเริ่มต้นครับ งานวิ่งแรกของผมครั้งนี้คือ “ร่มรั้วฯรัน ของวิศวะลาดกระบัง” ถิ่นเก่าของผมนั้นเองครับ ก็ไม่รอช้าที่จะสมัครครับ … สมัครเสร็จ ก็ต้องซ้อมสิครับ…ไปซ้อมที่ลู่วิ่งไฟฟ้า ที่ฟิตเนสคอนโดครับ 2K แรก แทบเอาตัวไม่รอด หอบแดก ขาสั่นกันเลยทีเดียว … ตอนนั้นนี่ คือ วิ่งแบบไม่หยุดได้ 2K นี่ถือว่าดีสุดๆครับ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็มีเวลาให้ซ้อมน้อยมากครับ สูงสุดได้แค่ 8K ซึ่งก็น่าจะได้ครั้งเดียวหล่ะ ที่เหลือก็ประมาณ 5K
2K แรก แทบเอาตัวไม่รอด หอบแดก ขาสั่นกันเลยทีเดียว
ส.ค. 61 — งานวิ่งที่ 1 : ร่มรั้วฯรัน (10.5K)
งานแรกแอบตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน เพราะว่าซ้อมมาน้อยครับ งานมีวันที่ 26 สค. 61 คืนก่อนวิ่งฝนตกหนักเลยครับ พอเช้าตอนปล่อยตัวก็ยังมีฝนตกปรอยๆ ครับ บรรยากาศเย็นชุ่มช่ำ…แต่ช่วงหัวค่ำ ฝนเจ้ากรรมดันตกหนักไปหน่อย สนามแข่งเลยน้ำท่วม เส้นทางเลยถูกลดมาเหลือแค่ 7K กว่าๆ ครับ สบายตัวไป 55555
ก.ย. 61 — งานวิ่งที่ 2: Run to School 3rd (10.5K)
งานนี้วิ่งชิวๆ ครับ เพราะว่าเป็นงานแรกที่ได้ไปวิ่งกับแฟน ที่สวนหลวง ร.9 เลยไม่ได้ซีเรียสครับ จะหนักไปทางเดินซะมากกว่า 555
ต.ย. 61 — งานวิ่งที่ 3: ASA Run 2018 แบบเจ็บๆ (10.5K)
ช่วงต้นเดือน ระหว่างที่ซ้อมวิ่ง 2 อาทิตย์ ก่อนแข่ง ก็เกิดอาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังเท้าซ้ายอีกแล้วววว !!! ที่เดิมเลยครับ ผู้ต้องสงสัยรายแรกของผมก็คือ รองเท้า ครับ เพราะครั้งแรกที่เจ็บ ก็คู่นี้หล่ะ เจ้า Skechers Go run 400 เจ้ากรรม ก็ต้องตกเป็นแพะของผมอีกครั้ง เพราะส่วนตัวผมใส่วิ่งรู้ว่ามันนิ่มเกินไป อาจจะไม่เหมาะกับสรีระเท้าเรา
ผลการวิ่งของงาน Asa Run ก็เลยเป็นแบบที่แย่กว่าที่คิดมากครับ เพราะวิ่งได้แค่ 5 กิโล ก็กลับมาเจ็บจนต้องเดิน และเข้าเส้นชัยแบบเต่าๆ ไปครับ
ระหว่างที่ซ้อมวิ่ง 2 อาทิตย์ ก่อนแข่ง ก็เกิดอาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังเท้าซ้ายอีกแล้วววว !!!
พ.ย. 61 — งานวิ่งที่ 4: We Run 2018 (10.5K)
หลังจากเจ็บเดือนที่แล้ว ก็ต้องพักครับ 2 อาทิตย์ ค่อยว่ากันต่อ …คนเรามันตั้งใจแล้ว จะให้มาหยุดเพราะเจ็บอีกไม่ได้ มันไม่ใช่ข้ออ้างงงง !!! อ่อนแอก็แพ้ไป !!!
เปลี่ยนรองเท้าสิครับ คราวนี้จัดดีๆ เน้นซัพพอร์ตไปเลย ก็หาข้อมูล แล้วก็พบว่าจริงๆเราเป็นคนเท้าแบน … แล้วมาจบที่ Asic Kayano 25 เซล์ลเค้าบอกว่าเป็นรองเท้าวิ่งสายซับพอร์ตสำหรับคนเท้าแบน เราก็เชื่อคนง่าย ก็เลยจัดมาเลย 1 คู่
We Run 2018 งานนี้ฉายเดี่ยวครับ กับรองเท้าคู่ใหม่ ดูสิว่าจะรอดไหม … ปรากฎว่า รอดครับ !!! ของเค้าดีจริงๆ ไม่เจ็บเท้าเลย 10.5K (ระยะจริงๆ ไกลกว่านั้น) ก็จบมาได้สวยๆ 1 ชม. 17 นาที ซึ่งจังหวะนั้นเราพอใจกับตัวเองนะ
คนเรามันตั้งใจแล้ว จะให้มาหยุดเพราะเจ็บอีกไม่ได้ มันไม่ใช่ข้ออ้างงงง !!! อ่อนแอก็แพ้ไป !!!
พอคนเรามันวิ่ง 10.5K ได้ สัก 4 เดือน 4 งาน ก็เริ่มห้าวครับ … “เห้ย ! 10.5 กิโลเรายังวิ่งได้เลยนี่หว่า ลอง 21.1K — Half Marathon ดูสักหน่อยไหมละ” ก็ทะลึ่งสมัคร Amazing Thailand Marathon Bangkok 2019 เดือน ก.พ. 62 ไปเลยครับ อีก 2 เดือนกว่า น่าจะซ้อมทันหละ
“เห้ย ! 10.5 กิโลเรายังวิ่งได้เลยนี่หว่า ลอง 21.1K — Half Marathon ดูสักหน่อยไหมละ”

พ.ย. 61 — งานวิ่งที่ 5: Micro Marathon(5K) — 31th Bangkok Marathon 2018
เดือนนี้มีวิ่ง 2 งานครับ ซึ่งงานนี้ลงไว้สมัครไว้ว่าจะมาวิ่งกับแฟนครับ เลยเอาที่แฟนไหว ซึ่งนั้นก็คือ 5K เลยสบายๆ ครับ ชิวๆ แต่คนเยอะมากกกก อากาศร้อนครับ
ธ.ค. 61 — งานวิ่งที่ 6: TMB Park Run 2018 (10.5K)
งานวิ่งสุดท้ายของปี 61 ก็คือ TMB Park Run วิ่ง 3 สวน คือสวนสิริกิติ์ สวนจตุจักร แล้วมาจบที่สวนรถไฟ งานนี้ลุยเดี่ยวครับ ตั้งใจวิ่งว่าจะทำเวลาให้ดีขึ้น แล้วก็ซ้อมมากขึ้นด้วย เพราะว่าต่อไป จะต้องไปวิ่ง Half-Marathon นะ…
ปรากฏว่าเร่งจังหวะไปหน่อยครับ มาจุกตอนกิโลที่ 8 ความเร็วตกสิครับ ถึงกับต้องเดินพักนึงเลยทีเดียว ทำให้เวลาก็ไม่ได้ดีอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ถือว่าดีกว่าเดิมครับ 10.5K จบที่ 1 ชม. 12 นาที เวลาดีขึ้นกว่าเดิมตั้ง 5 นาที
ม.ค. 62— งานวิ่งที่ 7: ชักอยากจะวิ่ง Run for Epliepsy 2019
งานนี้ก็เป็นอีกงานที่มาวิ่งกับแฟนครับ แต่วิ่งคนละระยะกัน ผมเลยตั้งใจว่าจะต้องทำเวลาให้ดีขึ้นไปอีก เพราะคราวนี้เหมือนจะซ้อมมาดีกว่าเก่าแล้วครับ เพราะว่ามีบทเรียนจาก TMB Park Run มาแล้ว
งานนี้วางแผนว่า จะวิ่งช้าๆ ก่อนในครึ่ง 5K แรก แรงเหลือค่อยใส่ตอน 5K ท้าย ปรากฏว่าอากาศเป็นใจครับ อากาศเย็นสบาย บวกกับสนามนี้เคยเจ็บมารอบนึงตอน ASA Run เลยมีความอยากเอาชนะเป็นพิเศษครับ เลยถือว่าเป็น 10.5K Personal Best เลยทีเดียว จบที่ 1 ชม 3 นาที …. แฮปปี้มากกกกก
10.5K Personal Best เลยทีเดียว จบที่ 1 ชม 3 นาที
พอเริ่มวิ่ง 10.5K ได้อย่างที่ตั้งใจไว้แล้ว ก็เริ่มมีความห้าวครับ คิดต่อไปอีกว่า… “เห้ย ! คนเรา คิดจะทำอะไรแล้ว มันก็ต้องทำให้สุดสิวะ ไหนๆ วิ่งทั้งที ก็เอาให้สุดที่ Full Marathon ไปเลย”
“เห้ย ! คนเรา คิดจะทำอะไรแล้ว มันก็ต้องทำให้สุดสิวะ ไหนๆ วิ่งทั้งที ก็เอาให้สุดที่ Full Marathon ไปเลย”
ประจวบกับมีคำชักชวนของพี่เอิร์ธ พี่ที่ออฟฟิศให้ลองมาวิ่ง Marathon ที่ Laguna Phuket ไหม เดือน มิ.ย. นู้น? อีกตั้งหลายเดือนซ้อมทันอยู่แล้วหล่ะ … ผสมกับความห้าวส่วนตัว ก็สมัคร Full Marathon ไปเลยยยจ้าาาาา….ในขณะที่สมัคร วิ่งไกลสุดแค่ 10.5K เองนะ แล้วนี่ก็ยังไม่ทันได้วิ่ง Half Marathon แรกเลย ห้าวสุดๆ ไปเลยเรา 555
สมัคร Full Marathon ไปเลยยยจ้าาาาา….ในขณะที่สมัคร วิ่งไกลสุดแค่ 10.5K เองนะ แล้วนี่ก็ยังไม่ทันได้วิ่ง Half Marathon แรกเลย ห้าวสุดๆ ไปเลยเรา 555

ลุยต่อไม่รอละน้าาาา…
ขอพักเบรค ตอนที่ 1 ไว้เท่านี้ก่อนครับ เดี๋ยวจะยาวเกินไป …ใครสนุก ไปอ่านกันต่อกันที่ > From 0 to 42.195 km ภารกิจพิชิตมาราธอน !!! — ตอนที่ 2 Half-Marathon แรก ได้เลยครับ