From 0 to 42.195 ภารกิจพิชิตมาราธอน !!! — ตอนที่ 2 Half-Marathon แรก
ต่อจากตอนที่ 1 เลยนะครับ มาติดตามกันว่า Half Marathon แรกในชีวิตจะเป็นยังไง เพื่อนๆท่านไหนยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 สามารถกลับไปอ่านได้จากที่นี่ครับ > From 0 to 42.195 ภารกิจพิชิตมาราธอน !!! — ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น
ก.พ. 62 — งานวิ่งที่ 8: Half Marathon แรกในชีวิต ! — Amazing Thailand Marathon Bangkok 2019 (21.1K)
ก่อนแข่ง ผมก็อาศัยซ้อมที่ลู่วิ่งที่ฟิตเนสเอาอย่างเดียวเลยครับ ได้สูงสุด 20K แค่ 2 รอบเอง ซึ่ง Half แรก ก็แอบตื่นเต้นมากครับ กล้าๆ กลัวๆ เพราะช่วงนั้น ฝุ่น PM 2.5 ก็กำลังเล่นงาน กทม. อยู่ครับ แอบลังเลว่าจะไปหรือไม่ไปดี … แต่สุดท้าย ก็ตัดสินใจไปครับ ถ้าไม่ไป ครั้งหน้าก็ Full Marathon เลยนะ !!!
Half Marathon แรก !!
ณ วันแข่ง 3 ก.พ. 62 อากาศก็เป็นใจครับ PM 2.5 ลดมาในระดับปกติ (มั้ง) Half ปล่อยตัว พร้อมกับ Full ที่สนามราชมังฯ แล้วไปจบที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วผมพก Enery Gel ไป 3 ซองครับ กันเหนียวไว้ก่อน…ในใจตั้งไว้ว่าถ้าจบได้ใน 2:30 จะแฮปปี้มากกกก
ช่วง 0–7K
ช่วงนี้วิ่งๆ สบายๆ เป็นทางเรียบครับ พยายามประคองช่วง Pace 7 ซึ่งเอาจริงๆ ถือว่าเร็วไปสำหรับกำลังผมครับ ทำให้เป็นภาระที่หลัง 555…แล้วก็เสียเวลาอีกนิดหน่อย เพราะว่าปวดฉี่ เลยแวะฉี่ที่รถห้องน้ำไปอีก 5555
ช่วง 7–14K
ช่วงนี้ โหดสุดๆ ครับ เพราะว่าต้องขึ้นสะพานข้ามแยก ตรงแถวๆ พระราม 9 มุดอุโมงค์ดินแดง ข้ามสะพานตรงอนุสาวรีย์ สรุปว่าโดนไป 4 สะพาน กับอีก 1 อุโมงค์ครับ…ด้วยความห้าว ไม่เจียมสังขารครับ วิ่งซะเร็ว อัดไป Pace 6.3 ในช่วงขึ้น-ลงสะพาน โดยที่ไม่รู้เลยว่า ปีศาจร้ายแห่งขุมนรกกำลังรออยู่ ><”
ช่วง 14–18K
ช่วงนรกของจริงมาแล้วครับ…เนื่องจาก 14K ที่ผ่านมา ดันอัดมาซะเร็ว บวกกับโดนสะพานข้ามแยกตัดกำลังไปเยอะ เลยทำให้ขาเริ่มหมดแรง ก้าวขาไม่ออกครับ แถมช่วงนี้ต้องวนรอบวังสวนจิตลดาเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่ต้องวนกลับ … กว่าจะถึงจุด U-turn และซุ้มน้ำ เล่นเอาท้อไปหลายรอบครับ จนต้องพักฉีดสเปรย์ นวดน่อง และยืดเหยียด
โดยช่วงนี้ ผมเอาตัวรอด โดยการตั้งเป้าไปที่ซุ้มน้ำ ขอไปให้ถึงแค่ 2K ข้างหน้าก่อน ที่เหลือค่อยว่ากัน แล้วก็วิ่งตามพี่ๆนักวิ่ง ข้างหน้า ให้เค้าลากผมไปด้วยเอาครับ เหลือ Pace ประมาณ 8 ครับ
ผมเอาตัวรอด โดยการตั้งเป้าไปที่ซุ้มน้ำ ขอไปให้ถึงแค่ 2K ข้างหน้าก่อน ที่เหลือค่อยว่ากัน
ช่วง 18K คือ ปีศาจ
ที่รอเราอยู่ครับ … หมดแรง แทบจะชนกำแพง และท้อมากก แทบเดินอย่างเดียว พยายามจะวิ่งเท่าไหร่ ก็ก้าวขาไม่ออก หายใจเริ่มไม่ค่อยคล่อง… ในหัวคิดวนเวียนว่า “เราออกมาวิ่งทำไมวะ ทำไมไม่นอนอยู่บ้าน มาทรมานตัวเองทำไม” … แล้วความเร็วตกมาที่ Pace 10.3
หัวคิดวนเวียนว่า “เราออกมาวิ่งทำไมวะ ทำไมไม่นอนอยู่บ้าน มาทรมานตัวเองทำไม”
ช่วง 18–21K
หลังจากผ่านห่วงเวลาดำดิ่งของชีวิตการวิ่ง Half Marathon แรก ก็เริ่มตั้งสติได้ครับ เห้ย…อีกแค่ 3K เอง ยังไงก็ต้องไปให้ถึง ทำยังไงก็ได้ อย่าหยุด … ผมก็อาศัย วิ่งสลับเดินไปเรื่อยๆ ครับ จนถึงช่วงจะเข้าเส้นชัย แถวๆโลหะปราสาทครับ ก็มีกำลังใจ ใจชื้น และวิ่งเข้าเส้นชัย ด้วยความลากเลือดครับ
อีกแค่ 3K เอง ยังไงก็ต้องไปให้ถึง ทำยังไงก็ได้ อย่าหยุด
รอดแล้วจ้าาา…. Half Marathon แรก
เรียกว่าผ่าน Half Marathon แรกมาได้แบบหมดสภาพครับ … แต่ก็ภูมิใจมากเช่นกันครับ ที่เราผ่านขีดจำกัดของตัวเอง และพาตัวเองมายังจุดที่ วันหนึ่งเราเคยคิดว่ามัน ไม่น่าจะเป็นไปได้ ช่างห่างไกลจากตัวเราเหลือเกิน
แม้จะเกินเวลาที่ตั้งใจ แต่ก็ไม่ซีเรียสครับ ไม่เจ็บก็ถือว่าดีแล้วครับ เก็บไว้เป็นแรงใจ ให้ซ้อมไป Full Marathon ต่อครับ
มี.ค. 62 — งานวิ่งที่ 9: Run 4 Better City 2019 (10.5K) และซ้อมวิ่งสำหรับ 1st Marathon
จริงๆ เดือนนี้ก็ต้องเริ่มซ้อมวิ่ง สำหรับมาราธอนแรกแบบจริงๆ จังๆ แล้ว เลยเทงานวิ่งอื่นทุกอย่าง เหลือแค่งานนี้ …งานวิ่งถาปัตจุฬา Run 4 Better City 2019 เพราะว่าอยากไปมาก ปีที่แล้วสมัครไม่ทัน แต่ปีนี้สมัครทัน
จริงๆ งานนี้แอบหวังว่าจะทำ Sub 1 ให้ได้ เพราะว่ามีความฟิตประมาณนึงครับ แต่เอาเข้าจริง อากาศร้อน หมดแรงตอน 1K สุดท้ายครับ แผ่วปลาย เลยจบมาที่ 1:05 มีความพยายาม แต่ก็ยังอ่อนหัด !!! กลับไปซ้อมมาใหม่นะน้อง !!!
เม.ย. 62 — ซ้อมวิ่งสำหรับ 1st Marathon
ร้อนสมกับที่เป็นเดือนเมษา จริงๆ ครับ แถมวันหยุดเยอะด้วย โปรแกรมซ้อมที่เคยวางไว้ก็เลยเละไม่เป็นท่า 555 … ความตั้งใจก็คือว่า จะต้องเพิ่มระยะให้ได้ 10% ทุกสัปดาห์ เอาเข้าจริง 25K ก็หมดแรงก่อนครับ
แผนการซ้อมรายสัปดาห์
ผมวางตารางไว้หลวมๆ ครับ อาทิตย์ละ 3 วัน วิ่ง 10K 2 วัน แล้วก็วิ่ง Long Run 1 วัน ที่เหลือพักร่างกาย กับทำงานครับ (กลับบ้านงานก็ยังต้องทำเน๊อะ…คนมันรักงานอะ ทำไงได้ 555)
- วันจันทร์-ศุกร์ วิ่ง 10K Easy Pace กับ 10K Tempo ให้ได้ 2 วัน
- วันเสาร์-อาทิตย์ วิ่ง วิ่ง Long Run อย่างน้อย 20K
- รวมระยะ อาทิตย์นึงวิ่งประมาณ 40K ครับ
ปกติ 10K จะวิ่งที่ลู่วิ่งที่ฟิตเนสคอนโดตอนเย็นหรือค่ำ หลังเลิกงานครับ ส่วน Long Run ก็ไปวิ่งที่สวนรถไฟ สวนสิริกิติ์และ สวนจตุจักร ครับ
วางตารางไว้หลวมๆ ครับ อาทิตย์ละ 3 วัน วิ่ง 10K 2 วัน แล้วก็วิ่ง Long Run 1 วัน ที่เหลือพักร่างกาย
Long Run @ สวนรถไฟ
ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่เอิร์ธ ผู้ชักจูงผมเข้าสู่วงการการวิ่งมาราธอนครับ เลยเป็นงานให้พี่เอิร์ธลองมาลากผมไปซ้อมด้วย 5555 … ทั้งคอยลาก คอยสอนเทคนิค และประสบการณ์ต่างๆในการวิ่งมาราธอนให้ฟัง ไม่ได้พี่เอิร์ธ ผมคงซ้อมไม่ถึงไหนแน่นอน….กราบบบบบบบ
แผนการวิ่ง Long Run
- เน้นวิ่งให้ถึงระยะ ไม่เน้นเวลา
- เริ่มวิ่งประมาณตีสี่ครึ่ง (4:30) เสร็จที่ประมาณเวลา 8 โมงเช้า (8:00) ถ้าหลังจากนี้จะเริ่มร้อนมากกกกก
- เริ่มที่ซุ้มน้ำสวนรถไฟ (ฝั่งติดสวนจตุจักร) ไปวนสวนสิริกิติ์ จะวนกลับมาจุดเริ่มต้นเดิม ซึ่งจะได้ระยะทางประมาณ 4K กว่าๆ ก็แวะกินน้ำ
- ข้ามไปวิ่งที่สวนจตุจักแล้วก็วนกลับมาจุดเริ่มต้นเดิม ก็จะได้ระยะทางอีก 4K กว่าๆ แล้วก็แวะกินน้ำ
- รวมแล้ว 1 รอบใหญ่ จะได้ประมาณ 8K กว่าๆ ครับ
- ก็วนแบบนี้ให้ได้ 3 รอบใหญ่ ก็ได้ประมาณ 25K พอดี
เริ่มวิ่งประมาณตีสี่ครึ่ง (4:30) เสร็จที่ประมาณเวลา 8 โมงเช้า (8:00)
พ.ค. 62 — ซ้อมวิ่งสำหรับ 1st Marathon แต่เจ็บ T-T อีกแล้ว !!!
และแล้วหายนะก็มาเยือนอีกครั้งครับ อาการบาดเจ็บบริเวณ น่องช่วงบน ที่ขาซ้าย ผมไม่แน่ใจว่าใช่ ITB ไหม แต่อาการมันใกล้เคียงมาก จะเริ่มเป็นตอนประมาณ กิโลที่ 16 ครับ (สังเกตมาหลายครั้งละ) เจ็บแปล๊บบบ เหมือนจะลงน้ำหนักไม่ได้ ต้องเดินเอาครับ ช่วงแรกๆ ก็ยังพอเดินไหวครับ พอผ่านไปได้สัก 5 กิโล ก็คือปวดมาก ต้องเดินในระดับ pace 10:5–11:00 เลยครับ
กลายเป็นว่าเดือนนี้ตั้งใจจะซ้อมให้ถึงระยะ 32K ก็มาเจ็บซะก่อน วิ่งๆ ไป ก็คิดในใจว่า จะฝืนซ้อม หรือจะพักดี ? แต่สุดท้ายฝืนไปก็ไม่ได้ครับ เจ็บ !! ระยะก็ลดลงมาเรื่อยๆ จาก 25K เป็น 21K สุดท้าย เหลือแค่ 18K ครับ…ช่วงนั้นรู้สึกแย่มาก จิตตก ยิ่งใกล้วันแข่งเข้าทุกที ซ้อมก็ไม่ถึงระยะ แถมมาเจ็บเดือนก่อนลง Full Marathon แรก ที่ Laguna อันแสนโหดอีก
ช่วงนั้นรู้สึกแย่มาก จิตตก ยิ่งใกล้วันแข่งเข้าทุกที ซ้อมก็ไม่ถึงระยะ แถมมาเจ็บเดือนก่อนลง Full Marathon แรก ที่ Laguna อันแสนโหดอีก
พ.ค. 62 — งานวิ่งที่ 10: Happy and Healthy Run for the King 2019 (23.5K) — เจ็บ !!! เดินยับ
Run for the King 2019 งานนี้ฟรี !!! เลยรีบสมัครไปกับพี่เอิร์ธครับ วิ่งที่สนามปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต ที่วนรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ 1 รอบจะได้ระยะ 23.5K ครับ โดยตอนสมัครก็ไม่ได้ดูสังขารเลยครับ อาศัยว่าเป็นการซ้อมไปในตัว
ช่วง 0–10K
วันแข่งจริงก็กล้าๆ กลัวๆ ครับ เพราะว่าเพิ่งเจ็บมา พยายามวิ่งประคองช่วง 10K แรก ไม่ให้เร็วจนเกินไปครับ เฉลี่ย Pace อยู่ที่ 7.20 ครับ … แต่นั้นช่วง กม. ที่ 9 อาการเจ็บที่น่องช่วงบน ก็เริ่มแสดงอาการอย่างเห็นได้ชัดครับ จนต้องหยุดยืดเหยียดและฉีดสเปรย์
ช่วง 10–17K
เมื่ออาการบาดเจ็บมา ก็ลดความเร็วลง เหลือ Pace ประมาณ 8.5 เลยครับ วิ่ง พัก วิ่ง พัก สลับ ยืดเหยียดและฉีดสเปรย์ ประคองมาเรื่อยๆ ครับ
ช่วง 17–23.5K
อันนี้คือวิ่งไม่ไหวแล้วครับ มันเจ็บมาก ลงน้ำหนักขาไม่ได้ แค่เดินยังเจ็บ แถมสเปย์ฉีดก็หมดด้วย อากาศก็เริ่มจะร้อนแล้ว … ยอมรับสภาพ เดิน pace 11 เลยครับ ไม่กล้าวิ่งแล้วครับ กลัวว่าจะเจ็บหนัก เพราะว่าอีก 2 อาทิตย์จะต้องไปวิ่ง Full Marathon แล้ว … เวลาก็เลยพังยับเลยครับ แถมพาพี่เอิร์ธมาพังด้วยอีกต่างหากกกก (ขออภัยค้าบบบบ >/\<)
อันนี้คือวิ่งไม่ไหวแล้วครับ มันเจ็บมาก ลงน้ำหนักขาไม่ได้ แค่เดินยังเจ็บ
ลุยต่อไม่รอละน้าาาา…
ขอพักเบรค ตอนที่ 1 ไว้เท่านี้ก่อนครับ เดี๋ยวจะยาวเกินไป …ใครสนุก ไปอ่านกันต่อกันที่ > From 0 to 42.195 ภารกิจพิชิตมาราธอน !!! — ตอนที่ 3 Marathon แรกในชีวิต ได้เลยครับ